
อาเซียนต้า เดินหน้าโปรโมทท่องเที่ยวเชียงใหม่ หวังปลุกกระแสไทยเที่ยวไทยแบบนิวนอร์มอล นำร่องชูปางช้างแม่สา ปางช้างเก่าแก่เป็นต้นแบบ เผยวิกฤตโควิด 19 พ่นพิษท่องเที่ยวทั่วอาเซียนกระเทือนหนัก

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจบริการและการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่อย่างหนัก นักท่องเที่ยวต่างชาติหดหายรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นศูนย์

แม้วันนี้จะมีการผ่อนปรนและปลดล็อกให้สถานที่และแหล่งท่องเที่ยวต่างๆกลับมาเปิดให้บริการได้ แต่หลายแห่งก็มีรูปแบบการท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงไป

เช่นที่ปางช้างแม่สา ปางช้างเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของประเทศไทย ตั้งอยู่ในอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ที่กลับมาเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา ได้มีการปลดโซ่และแหย่งช้าง ยกเลิกการแสดง และนั่งบนหลังช้าง เปลี่ยนมาให้นักท่องเที่ยวเข้าชมช้างฟรี เพื่อป้อนอาหาร และช่วยดูแลช้าง โดยเปิดให้เข้าชมช้างวันละ 3 รอบ ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ถึงเวลา 15.00 น.ทุกวัน


ที่ปางช้างแม่สา อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม นางอัญชลี กัลมาพิจิตร ผู้บริหารปางช้างแม่สา ได้ให้การตอนรับนางมิ่งขวัญ เมธเมาลี ประธานสมาพันธ์การท่องเที่ยวอาเซียน หรือ อาเซียนต้า และนางปริษา ปานพรหม ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ ในโอกาสเดินทางมาประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ โดยนำร่องปางช้างแม่สา เป็นต้นแบบ

โดยทางสมาพันธ์การท่องเที่ยวอาเซียน (ASEANTA : ASEAN TourismAssociation) หรือ อาเซียนต้า ได้ลงพื้นที่เพื่อถ่ายทำคลิปวิดีโอประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวแบบวิถีใหม่ หรือ นิวนอร์มอล เพื่อเผยแพร่ในประเทศไทย และกลุ่มประเทศสมาชิกในอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ เพื่อประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวเกิดความมั่นใจ

นางมิ่งขวัญ เมธเมาลี ประธานสมาพันธ์การท่องเที่ยวอาเซียน หรือ อาเซียนต้า เปิดเผยว่า หลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ทั่วโลกทำให้ต้องมีการปิดเมืองส่งผลกระทบต่อธุรกิจการท่องเที่ยวเมื่อมีการเปิดล๊อกและให้ประชาชนสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ และทางรัฐบาลก็ได้มีการให้ประชาชนลงทะเบียนเที่ยวปันสุข

ดังนั้นทางสมาคมอาเซียนซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจการท่องเที่ยวที่มีสมาชิกหลากหลายประเทศจึงต้องการโปรโมทสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละพื้นที่ของประเทศไทยที่เลือกปางช้างแม่สา เพราะปัจจุบันสถานที่ทุกแห่งต้องมีการท่องเที่ยวแบบนิวเนอร์มอล ซึ่งปางช้างแม่สาถือว่าเป็นปางช้างที่เก่าแก่ที่มีช้างมากถึง 78 เชือกลุกขึ้นมาต่อสู้ กล้าปลดโซ่ ปลดแหย่ง และไม่ให้มีการแสดงช้าง ซึ่งที่ผ่านมาชาวต่างชาติพากันโจมตีมาตลอด