พบพืชถิ่นเดียว และพืชหายากชนิดใหม่ของโลกจากภาคเหนือของไทย “กระเจียวอรุณและช่อม่วงพิทักษ์”
![](https://www.cmthainews.com/wp-content/uploads/2021/10/790634.jpg)
ทีมนักพฤกษศาสตร์จากองค์การสวนพฤกษศาสตร์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และทีมนักวิจัยจาก มหาวิทยาลัยมหาสารคาม กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม โดย ดร.จรัญ มากน้อย ดร.ศรายุทธ รักอาชา และดร.วรนาถ ธรรมรงค์ นักพฤกษศาสตร์จากองค์การสวนพฤกษศาสตร์ ร่วมกับ รศ. ดร. สุรพล แสนสุข นักวิจัยจากสถาบันวิจัยวลัยรุกขเวช มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และรศ. ดร.ปิยะพร แสนสุข นักวิจัยจากภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
![](https://www.cmthainews.com/wp-content/uploads/2021/10/790625.jpg)
ได้ค้นพบพืชสกุลขมิ้น (Curcuma L.) วงศ์ขิง (Zingiberaceae) ชนิดใหม่ของโลก จากภาคเหนือของประเทศไทย จัดเป็นพืชถิ่นเดียวและยังเป็นพืชหายากของประเทศไทยและของโลก โดยได้รับการตีพิมพ์ในวารสารพฤกษศาสตร์ระดับนานาชาติ Biodiversitas ปีที่ 22 ฉบับที่ 9 หน้าที่ 3910–3921 จำนวน 2 ชนิด ได้แก่
![](https://www.cmthainews.com/wp-content/uploads/2021/10/790627.jpg)
กระเจียวอรุณ ชื่อวิทยาศาสตร์ Curcuma aruna Maknoi & Saensouk คำระบุชนิด “aruna” หมายถึงสีของดอกที่มีสีเหลืองอร่ามคล้ายกับสีในช่วงรุ่งอรุณในตอนเช้าและยังมีความหมายว่า “รุ่งอรุณแห่งความสุข” ที่เป็นความหมายของจังหวัดสุโขทัย ซึ่งเป็นสถานที่ที่พบพืชชนิดนี้ การกระจายพันธุ์เฉพาะที่ป่าบริเวณเขาหินปูนในจังหวัดสุโขทัย
![](https://www.cmthainews.com/wp-content/uploads/2021/10/กระเจียวอรุณ1-1-724x1024.jpg)
ลักษณะเด่นคือ ดอกออกก่อนใบ เกือบทุกส่วนของพืชมีผิวเกลี้ยง ช่อดอกออกเป็นกระจุกติดกับพื้นดิน มีใบประดับ 6–12 อัน ใบประดับสีเขียวและดอกสีเหลือง ออกดอกในช่วงเดือนพฤษภาคม
![](https://www.cmthainews.com/wp-content/uploads/2021/10/790633.jpg)
ช่อม่วงพิทักษ์ ชื่อวิทยาศาสตร์ Curcuma pitukii Maknoi, Saensouk, Rakarcha & Thammar. คำระบุชนิด “pitukii” ตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติให้แก่ นายพิทักษ์ ปัญญาจันทร์ อดีตเจ้าหน้าที่องค์การสวนพฤกษศาสตร์ ที่ทำงานสนับสนุนด้านพฤกษศาสตร์มากกว่า 25 ปี และเป็นผู้พบพืชชนิดนี้ระหว่างสำรวจความหลากหลายของพรรณไม้ในภาคเหนือของประเทศไทย การกระจายพันธุ์เฉพาะที่ป่าผลัดใบในจังหวัดลำปางและลำพูน
![](https://www.cmthainews.com/wp-content/uploads/2021/10/790631.jpg)
ลักษณะเด่นคือ ดอกเกิดระหว่างซอกใบ ใบประดับมีสีม่วงอ่อนจนถึงม่วงเข้มในระยะติดดอก กลีบดอกมีสีม่วงอ่อนถึงม่วงเข้ม กลีบปากสีขาวและมีแถบสีเหลืองบริเวณกลางกลีบ ออกดอกในช่วงเดือนสิงหาคม มีการใช้ประโยชน์จากท้องถิ่น โดยนำเหง้ามารักษาอาการโรคกระเพาะและบรรเทาอาการท้องอืด รวมถึงเหง้าอ่อนและดอกนำมารับประทานเป็นผัก
ซึ่งพืชทั้ง 2 ชนิด ปัจจุบันจัดเป็นพืชถิ่นเดียวของประเทศไทย มีการนำมาใช้ประโยชน์หลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านอาหาร ยาสมุนไพรและไม้ประดับ
![](https://www.cmthainews.com/wp-content/uploads/2021/10/790635.jpg)
ปัจจุบันมีจำนวนประชากรน้อย เนื่องจากมีถิ่นอาศัยที่มีความจำเพาะ จึงอาจมีความเปราะบางหรือสุ่มเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ควรมีการอนุรักษ์และขยายพันธุ์ ซึ่งในอนาคตทีมนักวิจัยยังมีแผนที่จะศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับฤทธิ์ทางเภสัชกรรม สารสกัดทางยาและดำเนินการขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดและการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อนำกลับคืนถิ่นสู่ป่าธรรมชาติต่่อไป
![](https://www.cmthainews.com/wp-content/uploads/2021/10/ช่อม่วงพิทักษ์1-724x1024.jpg)
การค้นพบครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยนั้นมีความหลากหลายทางชีวภาพสูง และยังมีพืชพรรณชนิดใหม่ๆ ที่รอการค้นพบอีกเป็นจำนวนมาก ขณะที่ผืนป่าธรรมชาติกำลังถูกทำลายลงไป พืชพรรณหลายชนิดอาจสูญพันธุ์ องค์การสวนพฤกษศาสตร์ ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งที่มีภารกิจในการศึกษาวิจัยด้านพืชและความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อสร้างความรู้ให้เป็นฐานการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน การศึกษาวิจัยด้านอนุกรมวิธานพืช
โดยนักพฤกษศาสตร์ขององค์การสวนพฤกษศาสตร์ ร่วมกับนักวิชาการนักวิจัยจากหน่วยงานต่างๆ ทำให้มีการค้นพบพืชชนิดใหม่ของโลกอย่างต่อเนื่อง นำไปสู่การอนุรักษ์ขยายพันธุ์และใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนต่อไป
Like (0)