หน้าแรก ไม่มีหมวดหมู่ ตำนาน ชุบคนแก่ให้เป็นคนหนุ่ม พ่อปู่ฤาษีวัดกุฎีพระฤษีทรงธรรม ต.ทุ่งยั้ง อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์

ตำนาน ชุบคนแก่ให้เป็นคนหนุ่ม พ่อปู่ฤาษีวัดกุฎีพระฤษีทรงธรรม ต.ทุ่งยั้ง อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์

468
0

วัดกุฎีพระฤาษีทรงธรรมอยู่ในเขตชุมชนบ้านตาล ตำบลทุ่งยั้ง อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ พื้นที่ 6 ไร่ 98 ตารางวา สิ่งที่น่าสนใจภายในวัด ได้แก่ ร่องรอยซากโบราณสถานอันเก่าแก่สร้างด้วยศิลาแลง สร้างขึ้นในสมัยสุโขทัยตอนต้นปัจจุบันเป็นสถานที่เคารพเชื่อถือของชาวบ้านเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์เกี่ยวกับฤาษี มีรูปฤาษีโกลนด้วยศิลาแลง ซึ่งเดิมอาจเป็นพระพุทธรูปอยู่ในวิหารที่สร้างขึ้นใหม่ ครอบทับโบราณสถานเดิม นอกจากนี้ที่วัดยังมีการต้มยาสมุนไพรด้วยการแพทย์พื้นบ้านรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ อีกด้วยบริเวณโดยรอบวัดมีสภาพสะอาดร่มรื่นเหมาะแก่การมาปฏิบัติธรรมและกราบไหว้ขอพรหลวงพ่อฤาษีซึ่งเป็นที่ตั้งวัดในปัจจุบัน มีฤาษี 5 คนเป็นที่น้องกัน ชื่อว่า ฤาษีนารอด ฤาษีนารายณ์ ฤาษีตาวัว ฤาษีตาไฟ และฤาษีมาลัยโปรด ทั้ง 5 ตนนี้ นานตาฤาษีบคน มีเรื่องเล่าว่า กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในป่าแห่งหนึ่งซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นบริเวณบ้านตาล ม. 4 บำเพ็ญเพียรจนตบะแก่กล้า ได้วิชาอาคมต่างๆ สามารถชุบคนหนุ่มให้เป็นคนแก่ ชุบคนแก่ให้เป็นคนหนุ่มได้หรือ ซุบให้กลายร่างเป็นอะไรก็ได้แม้แต่คนตายก็ทำให้ฟื้นขึ้นมาได้

ตำนานกล่าวว่าวันหนึ่งเด็กเลี้ยงควายพาดวายมาเลี้ยงในป่า ผ่านมาบริเวณที่ฤาษีอาศัยอยู่ จึงเกิดความสงสัยว่าใช่ตาฤาษีที่เขาเล่าลือกันหรือไม่ ด้วยความสงสัยเด็กเลี้ยงควายจึงเข้าไปถามว่า ตนเองเคยได้ยินเขาเล่าลือกันมาว่า ตาฤาษีที่อยู่บริเวณนี้มีอิทธิฤทธิ์มากมายสามารถชุบคนได้ใช่หรือไม่ ตาฤาษีก็ตอบว่าใช่ ตาฤาษีพูดบอกให้เด็กเลี้ยงควายลงไปในกระทะน้ำร้อน แต่เด็กเลี้ยงควายก็ไม่ยอมลงไป ตาฤาษีจึงบอกว่าถ้าไม่เชื่อจะลงให้ดู แล้วสั่งกำชับเด็กเลี้ยงควายว่า ถ้าตาฤาษีลงไปในกระทะน้ำร้อนแล้ว ให้เทยาที่อยู่ในของที่ตาฤาษีเตรียมไว้ลงไปในกระทะที่ตาฤาษีลงไป เด็กเลี้ยงควายรับคำแล้วตาฤาษีก็ค่อยๆ กลายร่างเป็นพญาเสือโคร่งตัวใหญ่ เด็กเลี้ยงควายเห็นตาฤาษีชักดิ้นชักงอและมีเสือตัวใหญ่โผล่ขึ้นมาจากกระทะดังนั้น ก็ตกใจกลัว ก็วิ่งหนีตาฤาษีไป บังเอิญมีอีกาตัวหนึ่งบินผ่านมาเห็นเหตุการณ์ จึงรีบบินไปคาบซองยาที่วางอยู่เทลงไปในกระทะ จนตาฤาษีกลับพื้นกลายร่างเป็นคนดังเดิม ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ก็ไม่มีใครเคยเห็นตาฤาษีชุบคนอีกเลย เห็นแต่รูปฤาษีโกลนด้วยศิลาแลงอยู่ภายในอาศรมหรือวิหารเก่าแก่ ชาวบ้านโดยทั่วไปมักเรียกชื่อท่านว่า”พ่อปู่ฤาษี” หรือเรียกว่า “หลวงพ่อฤาษี” ดังนั้น “หลวงพ่อฤาษี” จึงเป็นสัญลักษณ์ของฤาษี 5 ตน เป็นที่เคารพศรัทธาเสื่อมใส่ในความศักดิ์สิทธิ์ ของชาวบ้านตาลและพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย ตราบจนถึงในปัจจุบันนี้

เหตุแห่งยาสมุนไพรหลวงพ่อฤาษี (ลุงสุข เณรแย้ม บ้านตาล ตำบลทุ่งยั้ง)แต่เดิมนานมาแล้วประมาณไม่ได้ว่ากี่ร้อยปี ผู้เฒ่าผู้ใหญ่ของหมู่บ้านตาลจะพูดว่าดั้งแต่เกิดมาก็รู้ว่ามีองค์ฤาษีอยู่ในอาศรมเล็กๆทำด้วยศิลาแลง มีประตูทางเข้าทางเดียว ด้านบนทางด้านตะวันออกมีช่องจั่วเล็กๆ หนึ่งช่องอาศรมศิลาแลงนี้อยู่ท่ามกลางป่าไผ่ที่รกรุงรังไม่มีใครเคลื่อนย้ายองค์หลวงพ่อได้ แม้แต่ศิลาแลงที่อยู่รอบ ๆ อาศรม ถ้าใครขนออกไปจะทำให้ตาเกิดเจ็บแดงขึ้นมา ต้องนำกลับมาคืนที่เดิม ต่อมากรมศิลปากรจะย้ายองค์หลวงพ่อไป ตอนนั้นชุมชนบ้านตาลยังไม่มีถนนเข้าทำให้เคลื่อนย้ายไปไม่ได้ จึงให้อนุรักษ์ไว้ในสถานที่เดิมห้ามผู้ใดเข้าทำลาย แต่บางคนก็จะอธิษฐานขอขุดพระรอบฐานไปไว้บูชา พ.ศ. 2522 นางศรี มั่นเจ็ก ขณะนั้นอายุ 25 ปี ปัจจุบันอยู่บ้านเลขที่ 48/1 หมู่ 4 บ้านตาล ตำบลทุ่งยั้ง อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ป่วยมาก ผอมไม่มีแรง รักษาที่ไหนก็ไม่หาย จึงได้มาหาลุงสุขซึ่งอยู่ติดกับวัด นางศรีบอกกับลุงสุขว่าตนฝันเห็นฤาษีให้เอาคนไปวัด 5 คน เก็บยาคนละชนิด ชนิดละกำมือ เอาไปใส่หม้อต้มเป็นยาดื่ม นางศรีฝันอย่างเดียวกันถึงสองครั้ง เมื่อฟังแล้วลุงสุขและทุกคนจึงนำหม้อดินมาตั้งบนเตาที่ประกอบด้วยก้อนศิลาแลง 3 ก้อนใหญ่ ทรงสี่เหลี่ยม และเก็บสมุนไพรแถวอาศรมใส่หม้อ ต่อด้ายสายสิญจน์ จากองค์หลวงพ่อฤาษีมาที่หม้อต้มยาสมุนไพร นางศรีดื่มยาแล้วอาการดีขึ้น สบายหายเป็นปกติขึ้น จึงต้มยาดื่มกันเรื่อยมา มีคนรู้เรื่องมากขึ้น มาดื่มยามากขึ้น ทำให้ต้องเปลี่ยนหม้อดินเป็นกระทะใบบัว (สมัยแรกนั้นต้องหิ้วน้ำกันมาเอง) เมื่อมีคนมากขึ้นเงินทำบุญก็มากขึ้น แรกๆ ลุงสุขดูแลเก็บเงินคนเดียว ต่อมาตั้งเป็นคณะกรรมการและนำเงินมาสร้างศาลาเล็กๆ และสร้างวิหารหลวงพ่อฤาษี รวมถึงเสนาสนะอีกหลายแห่งปัจจุบัน นักเรียน นักศึกษา ครูอาจารย์และบุคคลทั่วไปมาศึกษาสมุนไพรที่วัดกุฎีพระฤาษีทรงธรรมมากขึ้น โดยเฉพาะวันศุกร์ นอกจากได้ศึกษาสมุนไพรแล้ว ยังได้เรียนรู้การทำบายศรี่และพิธีลงยาอีกด้วย เป็นการสืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นของชาวบ้านตาลให้คงรักษาอยู่สืบไป


นางปรานอม กล่ำใย โยมอุปฐาก วัดกุฎีพระฤาษีทรงธรรมเล่าว่า มีเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นมีผู้หญิงและชายติดเอดส์มาจากกรุงเทพ มานั่งที่กลางนาผอมแห้ง ตาแห้งเลยมีคนแนะนำให้มากินยาสมุนไพรในกระทะของพ่อปู่ฤาษีทั้งสองสามีภรรยามากินทุกๆวันและตั้งแต่นั้นมาก็อ้วนท้วมสมบูรณ์และหายจากโรคเอดส์ ปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่

สำหรับสมุนไพรที่ต้มในกระทะยาของพ่อปู่ฤาษี วัดกุฎีพระฤาษีทรงธรรม อาทิ ข้าวเย็นเหนือ ข้าวเย็นใต้ เกล็ดปลาช่อน ขนุน ไผ่เหลือง ขอบชะนาง ข่อย ขิง ขี้เหล็ก ไผ่ลวก จามจุรี จำปี จำปา ชะลูดแดง ชุมเห็ดไทย ชุมเห็ดเทศ ดาวเรือง โด่ไม่รู้ล้ม ตะคร้ำ ตะไคร้ ตาลโตนด ตาลดำ เถาวัลย์เปรียง ทองพันชั่ง บานไม่รู้โรยป่า บุนนาค บอระเพ็ด ผักเสี้ยนผี บัวหลวงฯลฯ จนครบ 50 อย่างแล้วจึงนำใส่กระทะใบบัวใส่น้ำต้ม โดยจะมีการโยงสายสิญจน์จากองค์พ่อปู่ฤาษีภายในวิหาร มายังสถานที่ต้มที่บริเวณหน้าวิหารพ่อปู่ฤาษี จะเริ่มต้มทุกวันศุกร์ และสวดมนต์ หลังจากต้มยาสมุนไพรได้ที่แล้ว ในเย็นวันศุกร์ วันวันเสาร์ อาทิตย์ก็จะมีคนที่มาดื่มยาสมุนไพรจากกระทะยาพ่อปู่ฤาษี กันที่วัดหรือบางคนเอาภาชนะมาใส่กลับบ้านหลังจากที่ดื่มยาที่ตักจากกระทะยาเรียบร้อยแล้วนำกลับไปดื่มที่บ้านต่อ

ณัฐวัฒน์ ราชประสิทธิ์ หน.ศูนย์ข่าวไทยนิวส์อุตรดิตถ์
พูลชัย ราชประสิทธิ์ ข่าว

Like (0)
บทความก่อนหน้านี้ททท.สำนักงานเชียงราย ร่วมกับทุกภาคส่วนจังหวัดพะเยา เดินหน้ากระตุ้นการท่องเที่ยวภายใต้แคมเปญ“สุขทันที…ที่เที่ยวพะเยา”
บทความถัดไปเริ่มแล้ว..งานโครงการหลวง 2566 1-7 ธันวาคม 2566 ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรโครงการหลวงฯ