หน้าแรก ข่าวทั่วไป ตำรวจไซเบอร์จับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ปลอมแอพพลิเคชั่นสรรพากรหลอกลวงคนไทย

ตำรวจไซเบอร์จับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ปลอมแอพพลิเคชั่นสรรพากรหลอกลวงคนไทย

653
0

ตำรวจ กก.4 บก.สอท.4 จับคนร้ายปลอมแอพพลิเคชั่นสรรพากร มีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ หลอกเอาเงิน หนุ่มชาวพะเยากว่า 2.5 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2566 ตำรวจไซเบอร์กองกำกับการ 4 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 4 พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ฐายุฏฐ์ จันทร์ถาวร รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.นิเวศน์ อาภาวศิน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ไพโรจน์ สุขรวยธนโชติ รอง ผบช.สอท, พล.ต.ต.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย ผบก.สอท.4, พ.ต.อ.ชินพันธ์ พราหมณ์พันธุ์ รอง ผบก.สอท.4, พ.ต.อ.จิตติพนธ์ ผลพฤกษา รอง ผบก.สอท.4, พ.ต.อ.ยิ่งรัตน์ สอาดยิ่ง รอง ผบก.สอท.4, พ.ต.อ.สนธยา บัวแพง รอง ผบก.สอท.4, พ.ต.อ.นรวัตน์ คำภิโล รอง ผบก.สอท.4 และพ.ต.อ.คมสัน มีภักดี ผกก.4 บก.สอท.4 พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.สอท.4

ได้เปิดปฏิบัติการจับกุมกลุ่มคนร้ายแก๊งค์คอลเซนเตอร์หลอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่สรรพากร หลอกเอาเงินผู้เสียหาย กว่า 2.5 ล้านบาท โดยได้ออกหมายจับผู้ต้องหา ทั้งหมด 6 ราย และได้ทำการจับกุมMR.LONG SRO PHO ชาวกัมพูชา, MR.RY NORYชาวกัมพูชา และ น.ส.สาว แปลไธสง อายุ 48 ปี หญิงชาวไทย

ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน”อันเป็นความผิดตามกฎหมายพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2440 มาตรา 5, 14 (1) และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 343

ตำรวจไซเบอร์ฝากเตือนถึงประชาชน ผู้นำบัญชีธนาคารไปขายให้แก๊งมิจฉาชีพ รวมถึงรับจ้างเปิดบัญชี เพื่อให้มิจฉาชีพใช้ในการกระทำผิด โดยใช้เป็นช่องทางในการรับเงินและถ่ายโอนเงิน ป้องกันไม่ให้มีพยานหลักฐานเชื่อมโยงมาถึงตัว เพื่อใช้หลอกหลวงประชาชน ให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าวเจ้าของบัญชีจะถูกดำเนินคดีมีโทษหนัก ตามประมวลกฎหมายอาญา และตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินพ.ศ. 2542จำคุก 3 ปี หรือ ปรับ 3 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงผู้ที่ได้เป็นธุระจัดหา โฆษณา เพื่อให้มีการซื้อ ขาย ให้เช่า หรือให้ยืม บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ บัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนหมายโทรศัพท์ ก็มีโทษอาญาหนักเช่นกัน คือ จำคุกตั้งแต่ 2-5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2-5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ส.ต.อ.ทินกร อินทะจันทร์
ผบ.หมู่ กก.4 บก.สอท.4

Like (0)
บทความก่อนหน้านี้นิ่มลีสซิ่ง ฉลองครบรอบ 38 ปี จัดแคมเปญ มอบของรางวัลมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท
บทความถัดไปCSE ร่วมกับภาคเอกชน ส่งน้ำใจ ช่วยเจ้าหน้าที่อาสาดับไฟป่าเชียงใหม่