หน้าแรก ข่าวเชียงราย เลขาอดีตประธานรัฐสภาร่วมกับผู้แทนและภาคประชาชนจับเข่าคุยแก้ปัญหาหมอกควัน

เลขาอดีตประธานรัฐสภาร่วมกับผู้แทนและภาคประชาชนจับเข่าคุยแก้ปัญหาหมอกควัน

520
0

เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2567 ที่แนวกันไฟบ้านห้วยขม ม.1 ต.แม่ยาว อ.เมืองเชียงราย นายชิตวัน ชินอนุวัฒน์ และนายอิทธิพล ศรีสองสม เลขานุการของดร.ยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร และ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้จัดกิจกรรมเสวนาเชิงปฏิบัติการเรื่อง“จะทำอย่างไรเมื่อเราไม่ได้เผาแต่ค่าPM2.5สูงจนเกินขีดอันตราย” ในหัวข้อสภาสัมพันธ์ร่วมใจป้องกันและบริหารจัดการไฟป่า เพื่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และชุมชนที่ยั่งยืน โดยเป็นการเสวนาในพื้นที่ปฏิบัติงานพื้นที่จริงครั้งแรกของจังหวัดเชียงราย

ในเวทีเสวนาครั้งนี้นอกจากนายชิตวัน ชินอนุวัฒน์ ส.ส.เชียงรายเขต 1 และนายอิทธิพล ศรีสองสม เลขานุการของอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแล้วมีผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่จริงอาทิ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงราย นายสมเกียรติ ปูกา อดีต ทสจ.เชียงราย นายปรัตถกร การเร็ว กำนันตำบลแม่ยาว พ.ต.ท.เกียงไกร พุทธวงค์ สวป.สภ.แม่ยาว ร.ต.ท. ปริณ วรโชคคุณากรณ์ จากกองร้อน ตชด.ที่327 นายสุภาพ ไชยชนะ ผู้แทนบุคลากรทางการศึกษา ตลอดถึงเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่จากตำรวจตระเวณชายแดน ตำรวจท้องที่ อาสาสมัครไฟป่า มูลนิธิกระจกเงา ทุกส่วนล้วนแล้วแต่เป็นผู้ปฏิบัติงานหลักในการป้องกันไฟป่าที่เผชิญเหตุในพื้นที่จริงทั้งหมด

นายชิตวัน ชินอนุวัฒน์ กล่าวว่าในวันนี้ที่พวกเราต้องระดมกำลังกันมาหาทางออกของฝุ่น PM2.5 นี้เป็นเพราะพี่น้องประชาชนได้รับผลกระทบจากปัญหาฝุ่นละอองเป็นอย่างมากโดยเฉพาะคนเชียงรายที่ต้องทนทุกข์กับปัญหานี้และมีความเสี่ยงที่จะต้องเจ็บป่วยจากโรคระบบทางเดินหายใจ ไปจนถึงโรคร้ายแรงเช่นมะเร็งปอดที่คร่าชีวิตโดยที่พี่น้องชาวบ้านไม่รู้ตัว พวกเราจึงต้องมาร่วมมือร่วมใจกันแก้ปัญหาอย่างจริงจัง

ด้านนายอิทธิพล ศรีสองสม กล่าวต่อว่าปัญหาที่สำคัญที่สุดในวันนี้คือหมอกควันที่เราไม่ได้เผาสังเกตุจากจุดความร้อนที่ขึ้นแสดงในแผนที่ดาวเทียมไม่มีจุดความร้อนขึ้นบริเวณจังหวัดเชียงรายเลย แต่เราต้องแบกรับสภาวะนี้โดยต้นกำเนิดมาจากเพื่อนบ้านเราซึ่งปัญหานี้รัฐบาลต้องหาทางแก้ไขไม่ใช่แก้ไขเฉพาะปลายเหตุเช่นงดรับซื้อข้าวโพด งดรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรจากประเทศเพื่อนบ้านซึ่งมันเป็นปลายเหตุควรจะแก้ไขที่ต้นเหตุคือการเจรจาและขอให้เพื่อนบ้านบังคับใช้กฏหมายและร่วมมือในการแก้ปัญหาอย่างจริงจังโดยเฉพาะการสร้างอาชีพที่หลากหลายมากกว่าการทำไร่เลื่อยลอยที่เป็นปัจจัยต้นๆที่ทำให้เกิดปัญหาเหล่านี้จนเรื้อรังเป็นปัญหาระดับชาติที่ส่งผลกระทบทั้งด้านเศรษฐกิจและสุขภาพเป็นวงกว้างระดับประเทศ จากนั้นในวงเสวนามีการแสดงความคิดเห็นที่หลากหลายจากหลายภาคส่วนซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติงานจริง และมีการตอบโต้กันไปมาเพื่อหาทางออกเสนอแนวทางไปยังรัฐบาลผ่านส.ส.ในพื้นที่ร่วมกัน

Like (0)
บทความก่อนหน้านี้เลือกตั้งนายกฯ สมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือ(ตอนบน) ไม่มีพลิก!! ไพศาล เดินหน้าต่ออีกสมัย…
บทความถัดไปMobil 1 ผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น รุกตลาดเชียงใหม่ แนะนำแคมเปญ ฉลองครบรอบ 50 ปี